วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เสือโคร่งแห่งโจวลากิริ (Tigress of Jowlagiri)


เสือโคร่งแห่งโจวลากิริ (Tigress of Jowlagiri)

ตำนานเสือโคร่งแห่งโจวลากิริ เป็นเรื่องราวของเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลเพศเมีย โดยมันฆ่าคนตายไป 15 คนจากบริเวณเมืองโจวลากิริ และเมืองกันดาลัม 30 กิโลเมตรไปทางใต้ และจากพรมแดนของรัฐมัยซอร์ไปทางทิศตะวันตก

เสือโคร่งตัวเมียตัวนี้ เริ่มสร้างชื่อเสียงในเรื่องความดุร้ายขึ้นที่หมู่บ้านริมชายป่าโจวลากิริ และมันก็ได้หฆ่าหญิงสาวคนหนึ่ง แต่แล้วเพื่อนชายของเธอ นามว่า “แจ๊ค เลโอนาร์ด” ก็สวมบทนายพรานจำเป็นออกไล่ล่ามัน แต่ก็ไม่สามารถตามฆ่ามันได้ แต่อย่างน้อย แจ๊คก็ได้ยิงให้มันบาดเจ็บไปได้ โดยเขาแอบซ่อนตวอยู่หลังจอมปลวกในช่วงที่มันปรากฏตัว แต่ทว่า หลังจากเขายิงมันจนได้รับบาดเจ็บแล้วนั้น มันก็รีบวิ่งหนีกลบเข้าป่าไป และด้วยความอ่อนประสบการณ์ของเขานั้น ทำให้เขาไม่สามารถที่จะตามเสือโคร่งตัวนี้เข้าไปในป่ามันได้

 

และแล้ว เหยื่อของมันอีกรายหนึ่งก็ปรากฏขึ้น โดยคราวนี้เป็นชายอายุ 16 ปีขณะที่กำลังไปเก็บผลไม้ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ ซูเลกันตาร์ ห่างจากโจวลากิริ 7 กิโลเมตร

นายพรานชาวอินเดีย “แคนเน็ธ อันแดร์สัน” ได้ถูกเรียกตัวมาเพื่อช่วยเหลือปฏิบัติการในครั้งนี้ ในเวลานี้ เสือโคร่งได้คร่าชีวิตผู้คนไปถึง 15 รายแล้ว โดยเป็นผู้หญิงเสีย 3 คน อันแดร์สันเดินทางจากโจวลากิริไปยังซูเลกันตาร์เพื่อตามล่าเสือโคร่งตัวนี้ โดยเขาได้ไปร่วมกลุ่มที่ค่ายกันดาร์ลัม 23 ที่อยู่ทางใต้ ซึ่งค่ายนี้ อยู่ในพื้นที่ที่เสืออาละวาด และคอยสังเกตการณ์พฤติกรรมของมันมาตลอด

อันแดร์สันได้รับควายมาเป็นเหยื่อล่อเสือ จำนวน 3 ตัว โดยตัวหนึ่งไปผูกไว้ใกล้กับแม่น้ำ อีกตัวหนึ่งไปผูกไว้กับเส้นทางที่จะไปยังหมู่บ้านใกล้เคียง อันเชตตี้ ส่วนอีกตัวหนึ่งนำไปผูกไว้กับต้นแม่น้ำ

ในวันถัดมา อันแดร์สันถือปืนไรเฟิลวินเชสเตอร์ .405 ออกเดินป่าเพื่อสำรวจเหยื่อที่เขานำไปล่อโดยเริ่มต้นที่ริมแม่น้ำ ซึ่งผลคือ เหยื่อยังคงเป็นปกติ ไม่มีร่องรอยถูกทำร้าย แต่ทว่าเขาก็ได้รับข่าวร้ายมาจากลูกบ้านชาวอันเชตตี้ เมื่อมีชายผู้เคราะห์ร้าย ถูกเสือโคร่งตัวนี้ลากไปกิน อันแดร์สันจึงแกะรอยที่เสือลากศพเข้าป่า จนกระทั่งไปพบอยู่กลางป่า เขาจึงตั้งใจที่จะดักซุ่มเพื่อรอให้เสือตัวนี้กลับมากินศพ

แล้วมันก็มาจริงๆ ...

ในวินาทีที่มันปรากฏ อันแดร์สันก็ลั่นไกใส่พยัคฆ์ร้ายตัวนี้ทันที แต่กลับพลาดเป้า โดนเฉี่ยวๆที่บริเวณหูของมัน มันก็รีบหนีกลับเข้าป่าไปในทันที

หลังจากยิงมันให้บาดเจ็บได้ อันแดร์สันก็ประจำอยู่ที่กันดาร์ลัมอีก 10 วัน ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับ แต่ว่าในอีก 3 เดือนถัดมา เขาก็ได้รับข่าวมาว่า เสือโคร่งตัวนี้ออกล่าเหยื่ออีกครั้งแล้ว โดยคราวนี้มันฆ่านักบวชที่วัดแห่งหนึ่งในซูเลคันตาร์ และด้วยเหตุนี้ อันแดร์สันจึงต้องกลับไปที่กันดาร์ลัมอีกครั้ง ด้วยคำร่ำลือถึงเสือโคร่งตัวเมียที่ใบหูแหว่งไปข้างหนึ่งจากคมกระสุนที่อันแดร์สันฝากไว้ให้เมื่อคราวก่อน และก่อนหน้าที่อันแดร์สันจะไปถึง มันก็ฆ่าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไปอีก 1 คน

การเผชิญหน้ากันแบบตัวต่อตัวของอันแดร์สัน กับไอ้ลายหูแหว่งได้เริ่มต้นอีกครั้งหนึ่ง มันจำเขาได้ดีที่ทำมันจนหูหายไปข้างหนึ่ง มันไม่รอช้า กระโจนใส่เขาทันที และยอดนายพรานผู้นี้ ก็ตอบโต้ด้วยการยิงไรเฟิล .405 วินเชสเตอร์เข้าที่กลางหน้าผาก แล้วซ้ำอีกนัดด้วยการยิงเข้าที่ลำคอของมันอย่างแม่นยำ

และก็ปิดตำนานของเสือร้ายแห่งโจวลากิริไปตลอดกาล ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น